องค์ความรู้การเลือกของขวัญ
1. ผู้ให้ ของขวัญ ต้องเป็นผู้ “เสียสละ” อย่างยิ่งใหญ่
อ่านหัวข้อแบบนี้แล้วอย่าคิดว่าเราต้องมากรีดเลือดให้แฟน หรือต้องเสียเงินเป็นหมื่นเพื่อซื้อ ของขวัญ นะคะ การ”เสียสละ” ในที่นี้หมายถึงการลงทุนในเรื่องเวลา หรือความทุ่มเทที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อคนที่เรารัก สิ่งสำคัญในการให้ของขวัญคือ การสื่อถึงความหวังดีและความจริงใจจากผู้ให้ จริงไหมคะ
หากคุณเป็นคนไม่ชอบทำอาหาร การที่คุณลุกขึ้นมาทำอาหารให้คนรักทานในวันพิเศษ อาจจะเป็นของขวัญที่ประทับใจสุดๆ ของคนที่คุณรักก็ได้ หรือเราอาจจะทำของขวัญHandmade ง่ายๆ เช่นการ์ดปีใหม่ หรืออัลบั้มภาพ ให้คนที่เรารักก็ได้ค่ะ นอกจากนี้การเสียสละเวลาไปเดินตามหาของวินเทจเก๋ๆ สำหรับเพื่อนสาวที่รักของเรานั้นก็นับว่าเป็นการเสียสละเหมือนกัน
Tips จากผู้เขียน: เทคนิคนี้ดีมากสำหรับการให้ของขวัญญาติผู้ใหญ่ หรือเพื่อนที่มีฐานะดี เพียบพร้อมและมีทุกอย่างที่เขาต้องการอยู่แล้ว เพราะของแพงๆ เขาซื้อเองได้หมด ดังนั้น ของขวัญที่ต้องทุ่มเทสร้าง หรือของแฮนด์เมดที่ทำเพื่อเขาโดยเฉพาะ น่าจะเป็นที่ประทับใจเป็นพิเศษค่ะ
2. ของขวัญ ที่ดีควรมีจุดประสงค์เพื่อ ”ให้ผู้รับมีความสุขที่สุด“
ของขวัญที่ดีไม่ต้องการสิ่งตอบแทน การให้ของขวัญนั้นควรมีจุดประสงค์เพื่อ “ให้ผู้รับมีความสุขที่สุด” เป็นหลัก ข้อนี้บางคนอาจเห็นเป็นเรื่องง่ายๆ ใช่ไหมคะ แต่หลายคนไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองซื้อของขวัญ “ที่ตัวเองชอบ” ให้คนที่รัก แทนที่จะซื้อของขวัญที่เขาชอบ พอเป็นแบบนี้แทนที่จะทำให้คนรักมีความสุขกลับกลายเป็นทำให้เขาลำบากใจมากกว่าเดิม
หากคุณมีแฟนสาวที่ชอบดอกไม้มากๆ แต่ตัวคุณเองคิดว่าการให้ดอกไม้นั้นไร้สาระเสียเหลือเกิน ลองให้ดอกไม้แฟนดูนะคะ เพราะมันอาจมีคุณค่าต่อคนรับมากกว่าของชิ้นไหนๆ ในราคาเท่ากันก็ได้
Tips จากผู้เขียน : เรื่องที่จะเล่านี้เป็นเรื่องราวการให้ ของขวัญ ของนักเขียนชื่อ Lisa Grunwald ค่ะ วันหนึ่งเธอเข้าเว็บไซต์ EBay ไปเจอล็อกเก็ตของเก่าที่ด้านหน้าสลักตัวอักษร H ซึ่งบังเอิญว่าแม่สะใภ้ของเธอนั้นมีหมาที่รักมากชื่อแฮร์รี่พอดี เธอจึงสั่งซื้อสร้อยนั้นมาพร้อมใส่รูปสุนัขตัวโปรดลงไปในล็อกเกต เพื่อเป็นของขวัญให้แม่สะใภ้ รู้ใจขนาดนี้ ยกตำแหน่งลูกสะใภ้ดีเด่นให้เลยค่ะ
3. ของขวัญที่ดีนั้นควรเป็น “ความหรูหรา” สำหรับผู้รับ
ความหรูหรา ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงโลโก้แบรนด์เนมแพงระยับบนกระเป๋าหรอกนะคะ แต่หมายถึงการให้ของพิเศษซึ่งเป็นของที่ผู้รับ “อยากได้” ไม่ใช่ของที่เขา “จำเป็น” ต้องใช้ นั่นเป็นสาเหตุที่เราไม่ซื้อของใช้อย่างข้าวสาร ถังน้ำหรือถุงเท้าธรรมดาเป็นของขวัญกัน (ยกเว้นไปถวายสังฆทานนะคะ 555) แต่ของขวัญที่ทำให้ผู้รับรู้สึกสำคัญนั้นมักจะเป็นของที่ระลึกที่พิเศษสำหรับเขาโดยเฉพาะ
หากคนที่คุณรักมีนักร้อง ดารา นางแบบ ตัวการ์ตูนหรือหนังที่ชอบตั้งแต่เด็ก ลองซื้อของที่ระลึกให้เขาดูนะคะ บางทีของที่หลายคนมองว่าเป็นของ “ไม่จำเป็น” หรือเป็น “ของรกบ้าน” อาจมีความสำคัญมากๆ สำหรับเขาก็ได้ค่ะ
4. ของขวัญ ที่ดีควรมีความเหมาะสมกับผู้รับ
การให้ของขวัญที่ดี เราควรคำนึงถึงเพศ อายุ และความสัมพันธ์ของเรากับผู้รับของขวัญ
- ในวัฒนธรรมเอเชียที่ให้ความสำคัญกับผู้อาวุโส การที่ผู้ใหญ่ให้ของขวัญเป็นเงินกับเด็กๆ นั้นดูไม่แปลกแต่ถ้าเด็กให้กลับบ้างก็คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่
- การซื้อของขวัญที่แพงเกินไปก็อาจทำให้ผู้รับลำบากใจ และอาจดูเป็นการโอ้อวดตนเองได้เหมือนกัน (หากคนรับมีนิสัยดีพอนะคะ)
- การให้ของขวัญคนที่มีครอบครัวแล้ว อาจต้องคำนึงถึงทางบ้าน และให้ของที่ครอบครัวเขาสามารถใช้ได้ด้วย
เพราะฉะนั้นก่อนให้ของขวัญลองไตร่ตรองสักนิด ว่าเหมาะสมหรือไม่ หากไม่แน่ใจลองถามผู้คนรอบข้างก่อนก็ได้ค่ะ
5. ของขวัญ ที่ดี ต้องมีความ “น่าประหลาดใจ“
ใครๆ ก็ชอบความคาดไม่ถึง นั่นเป็นสาเหตุที่เราต้องใช้กระดาษห่อของขวัญก่อนให้ เพื่อที่ผู้รับจะได้สงสัยว่าข้างในกล่องมีอะไรนะ ก่อนจะให้ของขวัญลองคิดรอบๆ ด้านก่อนก็ได้ค่ะ ว่าผู้รับของขวัญนั้นคาดหวังว่าจะได้รับอะไร
ตัวอย่างง่ายๆ เลย เช่น หากเรารู้ว่าผู้ใหญ่บางท่านอาจได้รับกระเช้าของขวัญทุกปีจนเบื่อ อาจจะลองหาของอื่นให้เขาก็ได้ค่ะ
6. ของขวัญที่ดีต้องเป็นของที่ผู้รับ “อยากได้“
ลองพิจารณาถึงธรรมชาติ และความชอบของผู้รับของขวัญตามความเป็นจริง ลองดูว่าเขาชอบทำอะไรในเวลาว่างค่ะ
- ตัวอย่างง่ายๆ เลยก็คือสาวๆ ที่ชอบเครื่องสำอาง ถึงแม้จะมีครบทุกอย่างเต็มตู้ไปหมด มีครบทุกเฉดสีแล้ว แต่พวกเธอก็จะมีความสุขสุดๆ ที่ได้เครื่องสำอางใหม่เป็นลิปกลอสสักแท่ง
- คนชอบทำอาหารมักจะมีความสุขที่จะได้รับอุปกรณ์ทำครัวไม่ว่าจะเป็นกะทะหรือหม้อ ถึงแม้เขาจะมีหม้อร้อยใบอยู่ที่บ้านแล้วก็ตาม
- เช่นเดียวกับคนที่ชอบวาดภาพ การได้รับสมุดวาดภาพดีๆ หรืออุปกรณ์วาดภาพสวยๆ ก็ทำให้เขามีความสุขที่สุดแล้วค่ะ
- คนที่ชอบทานกาแฟก็คงดีใจที่ได้รับเครื่องทำกาแฟ
- คนชอบจักรยานก็ย่อมชอบกระเป๋าติดจักรยาน กริ่งจักรยาน หรือแม้แต่โมเดลจักรยาน ฯลฯ
ที่มา: The Daily Beast