โครงการส่งเสริมการพัฒนา เสื้อผ้าลดโลกร้อน "CoolMode" Project
ที่มาของโครงการ การ ใช้ไฟฟ้า ประมาณร้อยละ 60 ในเขตเมืองขนาดใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานครและเมืองหลักต่างๆ ใช้ไปกับระบบปรับอากาศ เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในเขตร้อนชื้น การออกแบบอาคารสมัยใหม่ทำให้ต้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศมากขึ้น และการแต่งกายในการทำงานยังนิยมแบบสากลคือมีเสื้อผ้าหลายชั้น การใส่สูท/แจ๊คเก็ท และการตัดเย็บที่ยังไม่มีการเลือกชนิดผ้าที่มีคุณลักษณะเหมาะสม จึงทำให้ต้องใช้เครื่องปรับอากาศต้องปรับอุณหภูมิต่ำกว่าที่ควร ในขณะที่หลายประเทศพยายามรณรงค์ปรับอุณหภูมิในอาคารให้สูงขึ้น เช่น ญี่ปุ่นให้ปรับอุณหภูมิเป็น 26°C ซึ่งประเทศไทยก็เคยมีการรณรงค์ด้านนี้หลายครั้ง ดังเช่นคณะรัฐมนตรีหลายสมัยให้รัฐมนตรีมาประชุมโดยไม่ต้องใส่สูทและปรับ อุณหภูมิในห้องสูงขึ้น แต่ก็มักล้มเลิกไปเนื่องจากไม่มีสิ่งที่เป็นรูปธรรมรองรับการเปลี่ยน พฤติกรรม เสื้อผ้าจึงนับเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าสำหรับเครื่อง ปรับอากาศลดลงได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคพลังงาน นอกจากนี้ ยังช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมสิ่งทอในประเทศให้คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิ อากาศเป็นตัวแปรของการพัฒนาศักยภาพการแข่งขันด้วย
อุตสาหกรรม สิ่งทอ เป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายได้จากการส่งออก อย่างไรก็ตาม การผลิตสินค้าสิ่งทอเครื่องนุ่งห่มสําหรับการบริโภคในประเทศไทยก็มีปริมาณ มาก คิดเป็นร้อยละ60 ของกําลังการผลิตทั้งหมด หรือคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 6 แสนล้านบาทต่อปี และตามแผนแม่บทและยุทธศาสตร์การพัฒนาสิ่งทอเครื่องนุ่งห่มไทยนั้น นอกจากจะคํานึงถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมแล้ว ยังได้คํานึงถึงมิติทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วย จากการศึกษาการประเมินวัฎจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์สิ่งทอ พบว่าผลกระทบส่วนใหญ่ของผลิตภัณฑ์สิ่งทอมาจากสภาวะการใช้งาน ได้แก่ การซักล้าง การดูแลรักษาเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม เนื่องจากมีการใช้สารเคมี น้ำ และพลังงานในสัดส่วนที่สูงกว่าช่วงชีวิตอื่น ดังนั้น การรณรงค์ให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่ง แวดล้อมจึงเป็นปัจจัยสําคัญของการพัฒนาตลาดและการผลิตอย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases: GHGs) ที่เป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) หรือภาวะโลกร้อน (Global Warming) กําลังอยู่ในความสนใจของนานาประเทศ เนื่องจากต่างได้รับผลกระทบโดยทั่วกันประเทศต่างๆ เริ่มหันมาสนใจและตระหนักถึงภัยพิบัติของโลกร้อนและวิธีลดโลกร้อน จึงได้โดยร่วมมือกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรมในฐานะผู้ผลิต ภาคบริการในฐานะผู้ขับเคลื่อนกิจกรรม รวมถึงภาคประชาชนในฐานะผู้บริโภค ซึ่งการลดก๊าซเรือนกระจกในส่วนของผู้บริโภคที่เชื่อมโยงกับภาคการผลิตและ บริการ คือการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อย
อ้างอิงข้อมูล : องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) http://www.tgo.or.th
|