ภาพจำลองปรากกฏการณ์ดาวเคราะห์เคียงเดือนในวันที่ 19 - 21 มิถุนายน 2558เป็นปรากฏการณ์ที่ดาวศุกร์ ดาวพฤหัสบดี อยู่เคียงดวงจันทร์เสี้ยว มีลักษณะปรากฏที่แตกต่างกันไปในแต่ละวัน
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ชวนล้อมวงชม “ดาวเคียงเดือน” 19-21 มิ.ย.58 ช่วงหัวค่ำ ทางทิศตะวันตก หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า หากฟ้าใสเห็นชัดเจนทุกภูมิภาคของประเทศไทย โดยเสาร์ที่ 20 มิ.ย. จะเห็นคล้าย “พระจันทร์ยิ้ม” ดาวศุกร์และดาวพฤหัสบดีสุกสว่างอยู่ห่างกันประมาณ 6 องศา มีดวงจันทร์เสี้ยวบางๆ อยู่ด้านล่าง เผยเป็นปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ปกติแต่หาชมยาก ครั้งล่าสุดเกิดเมื่อ 1 ธ.ค. 51 ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 19-21 มิถุนายน 2558 จะเกิดปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือน ในช่วงหัวค่ำทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ครั้งนี้มีดาวศุกร์และดาวพฤหัสบดี อยู่เคียงดวงจันทร์เสี้ยว ในแต่ละวันจะสามารถสังเกตเห็นรูปแบบปรากฏที่ต่างกัน “ที่น่าจับตามองที่สุดคือวันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน เราจะเห็นปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือนที่มีลักษณะคล้ายสามเหลี่ยมด้านเท่า ดาวศุกร์และดาวพฤหัสบดี อยู่ห่างกันเพียง 6 องศา มองดูคล้ายสองตา และดวงจันทร์ข้างขึ้น 3 ค่ำจะปรากฏเป็นเสี้ยว ตะแคงอยู่ด้านล่างของดาวเคราะห์ทั้งสอง ดาวศุกร์จะสว่างกว่าดาวพฤหัสบดี และอยู่เยื้องต่ำกว่าเล็กน้อย ปรากฏคล้าย “พระจันทร์ยิ้ม” ให้กับคนไทย ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนถึงประมาณ 3 ทุ่มก็จะตกลับขอบฟ้าไป” ดร.ศรัณย์กล่าว ทั้งนี้ หากช่วงดังกล่าวฟ้าใสและไม่มีเมฆ ดร.ศรัณย์ระบุว่าจะเห็นปรากฏการณ์ได้ด้วยตาเปล่าในทุกพื้นที่ของประเทศไทย แต่ครั้งนี้ดวงจันทร์จะหันด้านมืดตะแคงออกด้านข้าง จึงมีลักษณะต่างจากพระจันทร์ยิ้มครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.51 ดาวเคียงเดือนเป็นปรากฏการณ์ปกติทางดาราศาสตร์ที่สวยงาม น่าสนใจและหาชมได้ไม่บ่อยนัก นับเป็นอีกหนึ่งอีกปรากฎการณ์ดาราศาสตร์ที่น่าสนใจในรอบปีนี้ “นอกจากนี้เรายังสามารถสังเกตเห็นปรากฏการณ์แสงโลก (Earth Shine) ที่เกิดจากแสงอาทิตย์สะท้อนผิวโลกไปยังดวงจันทร์ และสะท้อนกลับมายังผู้สังเกตบนโลกอีกต่อหนึ่ง ทำให้เห็นแสงจาง ๆ จากด้านมืดของดวงจันทร์ ซึ่งจะสังเกตได้ดีในช่วงที่เป็นจันทร์เสี้ยว เป็นอีกปรากฎการณ์หนึ่งที่เราสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าในช่วงดังกล่าวเช่นกัน” ดร.ศรัณย์กล่าวปิดท้าย
แหล่งที่มา :
http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9580000065304&utm_source=twitterfeed&utm_medium=twitter |